วิธีการเก็บเงินค่าสมัครและค่าโฆษณาของ
Google Adwords
เพื่อนๆหลายๆคนนั้น
คงสงสัยกันนะครับว่า
ทาง Google นั้น มีการตัดเงินค่าโฆษณาจากบัตรเครดิต
ของเราอย่างไรบ้าง
เพราะว่า บางคนสมัครไปแล้ว
ก็ไม่เห็นว่า Google จะตัดเงินออกจากบัตรเครดิต
เป็นค่าสมัคร
$5 สักที ทำให้ไม่แน่ใจว่า
โฆษณาของตนเองนั้น จะปรากฎขึ้นบน
Google หรือไม่?
หรือว่า บางคนโฆษณาไปแล้วสักพัก
มีค่าโฆษณาต่อวันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ก็ไม่เห็นว่า Google จะตัด
ค่าโฆษณาสักที
ก็ยิ่งสงสัยกันไปใหญ่ครับ
ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่?
แล้วจะมีผลเสียอะไรหรือเปล่า?
ผมก็เลยขอแถลงวิธีการคิดเงินของ
Google อย่างคร่าวๆดังนี้นะครับ
เมื่อเราสมัคร Google
Adwords ขึ้นมาใหม่ 1 Account นั้น Google
จะคิดค่าสมัคร $5 และจะ
แสดงไว้ใน
Billing Summary แต่ว่า Google จะยังไม่เก็บเงินของเราทันทีครับ
จะรอให้ครบรอบ
เก็บเงินครั้งแรกก่อน
โดยรอบเก็บเงินของ Google
ครั้งแรกนั้น คือ เมื่อครบ
30 วัน หลังจากที่สมัคร
หรือค่าโฆษณาครบ $50 ครับ
ดังนั้นจำนวนเงินงวดแรกที่
Google จะเก็บเรา (ถ้าหากมีการโฆษณา)
ส่วนมากจะเป็น
$55 ครับ โดย Google จะทำการเก็บเงินจำนวนนี้จากบัตรเครดิตที่เราได้ใส่ไว้ใน
Account ของเราครับ ส่วนถ้าหากครบ
30 วันแล้ว แต่ค่าโฆษณาของเรายังไม่ถึง
$50 สมมติว่าเป็น
$30 ทาง Google
ก็จะตัดเงินออกจากบัตรเครดิตของเราไป
$35 ครับ
จากนั้นรอบการคิดเงินค่าโฆษณาของ
Google ก็จะเป็นไปตาม Credit Limit หรือ
วงเงินที่ Google
ให้กับเรา
หรือเมื่อครบ 30 วัน หลังจากจ่ายค่าโฆษณาครั้งที่ผ่านมาครับ
โดยทั้งนี้วงเงินที่
Google ให้กับเรา จะเป็นขั้นๆดังนี้ครับ
$50 -> $200 -> $350 -> $500
เมื่อเราทำการจ่ายค่าโฆษณาถึงวงเงินใด
ภายใน 30 วัน นับจากวันที่จ่ายค่าโฆษณาครั้งสุดท้าย
ทาง
Google ก็จะเพิ่มวงเงินให้กับเราขึ้นไปอีก
1 ขั้น ดังนี้ไปเรื่อยๆ
จนถึงวงเงินสูงสุดคือ
$500
อาจจะยังงงๆกันอยู่
ลองไปดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ
ตัวอย่าง 1
สมมติว่านาย A สมัคร
Google Adwords วันที่ 1 เมษายน 2549 จากนั้นก็ไม่ได้ทำโฆษณาอะไร
บน
Google เลย Google ก็จะทำการตัดเงินจำนวน
$5 เป็นค่าสมัคร Adwords จากบัตรเครดิต
ของนาย
A ประมาณวันที่ 1 พฤษภาคม
2549
จากนั้น นาย A ก็เริ่มทำการโฆษณาบน
Google Adwords บ้าง แต่ไม่มาก จนถึงวันที่
31 พฤษภาคม
2549 นาย A มีค่าโฆษณาที่ต้องจ่ายให้
Google เป็นจำนวนเงิน $45 ทาง
Google ก็จะคิดเงินจำนวน
นี้เป็นค่าโฆษณา
โดยตัดจากบัตรเครดิตของนาย
A ในวันนั้น (30 วัน นับจากวันที่จ่ายเงินครั้งล่าสุด)
สมมติว่าต่อจากนั้น
นาย A ก็ทำการโฆษณาบน
Google Adwords เรื่อยๆ โดยต้องเสียค่าโฆษณา
เดือนละ
$45 ทุกเดือน ทาง Google ก็จะทำการคิดเงินค่าโฆษณาโดยตัดเงินจำนวน
$45 ออกจาก
บัตรเครดิตของนาย
A ทุกๆ 30 วัน
จะเห็นว่าในกรณีนี้นาย
A นั้น มีค่าโฆษณาไม่เกิน
$45 ต่อเดือน ทำให้วงเงินของ
Google ที่ให้กับ
นาย A ก็ยังคงเป็น
$50 เท่านั้น
ตัวอย่าง 2
นาย B สมัคร Google Adwords เมื่อวันที่
1 เมษายน 2549 จากนั้นก็เริ่มทำการโฆษณาเว็บไซต์
ของตนเอง
ผ่านไป 5 วัน นาย B มียอดค่าโฆษณาที่ต้องจ่ายให้ทาง
Google เป็นจำนวน $50 ทาง
Google ก็จะทำการเก็บเงินค่าโฆษณา
โดยตัดจากบัตรเครดิตของนาย
B ในวันที่ 6 เมษายน 2549
เป็นจำนวนเงิน
$55
เนื่องจากนาย B มียอดค่าโฆษณาถึงวงเงินที่
Google กำหนดไว้ในขั้นแรก
($50) ภายใน 30 วัน
ทำให้ Google เพิ่มวงเงินให้กับนาย
B เป็น $200
จากนั้นนาย B ก็ยังทำการโฆษณาอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งในวันที่ 6
พฤษภาคม 2549
(30 วันนับจากวันที่จ่ายค่าโฆษณาครั้งล่าสุด)
นาย B มียอดค่าโฆษณาที่ต้องจ่ายให้กับ
Google
เป็นจำนวน $185 ทาง Google ก็จะทำการตัดเงินค่าโฆษณา
$185 จากบัตรเครดิตของนาย
B
ภายในวันนั้น (วงเงินที่
Google ให้กับนาย B ยังคงเป็น
$200 เหมือนเดิม)
จากนั้นนาย B ได้วางแผนโฆษณาอย่างเต็มที่
ได้หา Keywords ต่างๆมาทำการโฆษณามากมาย
ทำให้ยอดค่าโฆษณาของนาย
B มีจำนวนครบ $220 ในวันที่
22 พฤษภาคม 2549 ซึ่งเกินวงเงิน
ที่ทาง
Google กำหนดไว้ก่อนถึงเวลา
30 วันนับจากวันที่จ่ายเงินค่าโฆษณาครั้งล่าสุด
Google ก็จะ
เก็บเงินค่าโฆษณาจำนวน
$220 จากบัตรเครดิตของนาย
B พร้อมกับขึ้นวงเงินให้นาย
B เป็น
$350 นั่นเอง
สมมติว่าในเดือนมิถุนายน
นาย B ยังทำการโฆษณาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง
และมีผู้คลิ๊กผ่านโฆษณา
ของนาย
B มากมาย จนกระทั่งค่าโฆษณาของนาย
B มีจำนวน $355 ในวันที่ 15 มิถุนายน
2549
ทาง Google ก็จะตัดเงินค่าโฆษณาจำนวน
$355 จากนาย B พร้มกับขึ้นวงเงินให้นาย
B ไปอีก
1 ขั้น ซึ่งก็เป็นขั้นสูงสุดคือ
$500 นั่นเอง
จากนั้นเมื่อวงเงินของนาย
B ครบ $500 แล้ว Google ก็จะทำการเก็บเงินค่าโฆษณาจากนาย
B
เมื่อนาย B มีค่าโฆษณาครบ
$500 หรือ ทุกๆ 30 วันนับจากวันที่
Google เก็บเงินค่าโฆษณาครั้ง
ล่าสุด
แล้วแต่ว่าอะไรจะมาถึงเร็วกว่ากันครับ
จากตัวอย่างของนาย
A และ นาย B ก็น่าจะทำให้เพื่อนๆได้เห็นภาพรวมของการเก็บเงินของ
Google
แล้วนะครับ ว่าจะเก็บเมื่อไหร่
และจะเก็บเงินเท่าไหร่
มีระยะเวลาในการเก็บเงินเป็นอย่างไร
ถ้าหากใครที่กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่พอดี
ก็คงจะหายสงสัยกันแล้วนะครับ
แต่ทั้งนี้เรื่องนี้ก็ไม่ได้มี
ความสำคัญอะไรมากมายครับ
เพราะว่าเราตั้งใจโฆษณาไปตามที่ต้องการก็พอครับ
เรื่องเก็บเงิน
ให้เป็นหน้าที่ของทาง
Google ไป ส่วนเราเอาเวลาไปหาสินค้าใหม่ๆ
และก็หา Keywords ใหม่ๆ
มาทำการโฆษณาสินค้าดีกว่าครับ
^_^
ขอให้ประสบความสำเร็จทุกคนนะครับ
-- ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
--